สื่อการสอนระดับปฐมวัย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
๑. สื่อประเภทวัสดุกับเด็กปฐมวัย
๓. สื่อประเภทวิธีการกับเด็กปฐมวัย
1. สื่อประเภทวัสดุกับเด็กปฐมวัย
1.1 วัสดุท้องถิ่น
เบญจา แสงมลิ, (2539 : 34-62) กล่าวว่า วัสดุท้องถิ่น หมายถึง
สิ่งของที่มีอยู่ในท้องถิ่นตามภูมิประเทศ
ท้องถิ่นที่อยู่ในภูมิประเทศต่างกันอาจมีวัสดุแตกต่างกันไปบ้าง เช่น
ท้องถิ่นภาคเหนือมีใบเมี่ยง ใบตอง เขาสัตว์มาก แต่ภาคใต้แถวทะเลมีเปลือกหอย
กระดูกปลา ปะการัง เป็นต้น แม้แต่สิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ เช่น ดิน ทราย หิน
เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นวัสดุท้องถิ่นได้
เราทราบกันแล้วว่าเด็กเรียนจากสิ่งที่อยู่แวดล้อมตัวเขา
ฉะนั้น สิ่งที่อยู่ในท้องถิ่นที่เด็กอยู่ถือว่าเป็นวัสดุที่นำมาเป็นสื่อให้เด็กเรียนได้ทั้งสิ้น
หน้าที่ของครู หรือพี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก
จึงจำเป็นจะต้องรู้จักเลือกนำสิ่งใดมาเรียน และรู้จักรวบรวมสิ่งต่างๆ
ไว้เพื่อเลือกมาใช้ในโอกาสที่ต้องการ
การรวบรวมวัสดุท้องถิ่น
1. ครู
มือพี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก ถ้ามีโอกาสไปในที่ใด ในท้องถิ่นที่ตนอยู่โดยต่างถิ่นและเห็นสิ่งใดควรจะนำมาใช้เป็นสื่อได้
ควรจะเก็บสะสมไว้
2. ครู
หรือพี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก ควรจะมีหีบ หรือกล่อง
หรือชั้นจัดวางวัสดุท้องถิ่นที่สะสมไว้เป็ดให้เป็นหมวดหมู่ เพื่อหยิบใช้ง่าย
3. ผู้ปกครองอาจร่วมมือเมื่อพบว่าสถานศึกษาสะสมวัสดุท้องถิ่นเพื่อเป็นสื่อการสอนเด็ก
โดยผู้ปกครองจะรวบรวมวัสดุไว้ และนำมาให้สถานศึกษา
วัสดุท้องถิ่นที่ใช้เป็นสื่อ
วัสดุท้องถิ่นที่เราพบเห็นในท้องถิ่นต่างๆ
ซึ่งอาจเก็บรวบรวมไว้สำหรับใช้เป็นสื่อการสอนได้ เช่น ทรายเปลือกหอย ก้อนหิน
ก้อนแร่ ใบไม้ ท่อนไม้ แผ่นยาง เส้นหวาย ฟาร์มรังนก เปลือกมะพร้าว กาบหมาก ต้นอ้อ ผลการแห้ง
ผลต้นหูกวาง ก้านกล้วย ก้านมะพร้าว ใบตองทางมะพร้าว ปะการัง ผักกระถิน เม็ดมะกล่ำตาหนู
ไผ่ เป็นต้น
การเลือกใช้
การนำวัสดุท้องถิ่นมาใช้เป็นสื่อนั้น ผู้สอนจะต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
และวางแผนการสอนในการนำวัสดุมาใช้
ดังนี้
1. มุ่งหมายจะให้เด็กเรียนรู้วิชาใด
2. สิ่งใดที่เด็กสนใจ
3. วัสดุนั้นตรงกับเหตุการณ์
และเวลาที่เด็กควรรู้หรือไม่
4. วัสดุนั้นสามารถนำมาใช้เป็นสื่อให้เด็กเรียนรู้ตรงตามบทเรียนหรือไม่
ตัวอย่าง
ในสัปดาห์ที่ครูสอนเรื่อง
“สัตว์น้ำ”
1.
บทเรียนธรรมชาติศึกษา
ครูนำเปลือกหอยแมลงภู่มาให้นักเรียนดู
ครูส่งให้นักเรียนได้ลูบคลำดูทุกคน
ครู “ใครรู้จักไหมเอ่ย
ว่าอะไร”
จุ่ง “หอยครับ” จิ๋ว “หอยค่ะ”
มีเด็กหลายคนตอบได้
ครู “มันชื่ออะไรเอ่ย”
เด็กส่วนมากตอบไม่ได้
ครู “ครูจะบอกให้
ฟังนะ มันชื่อ แมลงภู่ หอยแมลงภู่”
ครู “มันอยู่ที่ไหน
ใครรู้บ้าง”
ถ้าเป็นเด็กซึ่งอยู่เมืองชายทะเล
เขาก็จะตอบได้ “เด็กๆ ในทะเล”
ถ้าเป็นเด็กอยู่เมืองไกลทะเล
เขาก็ตอบไม่ได้
ครู “มันอยู่ในน้ำ
น้ำเค็มด้วย มันอยู่ในทะเล”
ครู “ใครเคยกินหอยแมลงภู่ไหม”
ครู “อร่อยไหม”
เด็กๆ “อร่อยค่ะ” “อร่อยครับ”
ครู “หอยเป็นสัตว์น้ำ
มันมีประโยชน์แก่เรา เราใช้มันเป็นอาหาร แกงกินก็ได้ ผัดกินก็ได้ ต้มก็ได้ ทอดก็ได้”
2.
บทเรียนคณิตศาสตร์
ครู
“นี่อะไรเอ่ย” เด็กๆ เคยเรียนมาแล้วจากบทเรียนธรรมชาติศึกษา
เด็กๆ
“หอยแมลงภู่ค่ะ” “แมลงภู่ครับ”
ครูชี้ที่หอย
“มันเข้าแถวกัน 3 ตัว”
ครูหยิบจากแถววางหอยหนึ่งตัวลง
“หอย 1 ตัว”
ครูหยิบหอยออกมาอีกตัววางด้วยกัน
“หอย 2 ตัว”
ครูหยิบหอยที่เหลืออยู่เอามารวม
“หอย 3 ตัว”
ครูเล่นให้เด็กดู
2
ตัวบ้าง 3 ตัวบ้าง 1 ตัวบ้าง
สลับไปสลับมา
ครู
“ครูจะให้นักเรียนออกว่าหยิบตามครูบอกนะ ใครนั่งสวยๆ ครูจะเรียกก่อน”
เด็กๆ
ต่างนั่งเรียบร้อย “จุ๋ม หอย 1 ตัว” จุ๋มหยิบหาย 1 ตัว
ครู
“เก่ง” เด็กๆ ปรบมือให้
ครู
“กุ๊กไก่ หอย 2 ตัว” กุ๊กไก่ออกมาหยิบ
2 ตัว
ครู
“ถูกแล้ว” เด็กๆ ปรบมือ
ครู
“ติ๋ม หวย 3 ตัว” ติ๋มเดินมาหยิบ
ครูให้เด็กเล่นเกี่ยวกับจำนวนสลับไปสลับมาทุกคน
1.2 วัสดุเหลือใช้
วัสดุเหลือใช้ หมายถึง
สิ่งของต่างๆ ที่ใช้ประโยชน์แล้ว และมีส่วนที่เหลือทิ้งไว้
ส่วนมากเมื่อได้ใช้ประโยชน์ ของ
สิ่งนั้นแล้วก็มักจะทิ้งไปเลย เช่น กลักไม้ขีดไฟ
เมื่อใช้ไม้ขีดไฟหมดเราก็โยนกลักของมันทิ้งไป หรือกล่องสบู่
ใช้สบู่หมดก็เอากล่องทิ้งไป ทั้งกลักและกล่องนี้เราเรียกว่า วัสดุเหลือใช้
มีสิ่งของต่างๆ อีกมากมายที่เราได้ใช้แล้ว ก็มีส่วนไม่ต้องการใช้ เราก็ทิ้งมันไป
แต่ภายหลังปรากฏว่าวัสดุเหลือใช้เหล่านี้อาจนำมาทำประโยชน์อย่างอื่นได้
และสามารถนำมาเป็นสื่อการเรียนของเด็กได้ด้วย ครูอนุบาล พี่เลี้ยง หรือผู้ดูแลเด็ก
จึงรวบรวมวัสดุเหลือใช้ต่างๆ
และคิดหาวิธีใช้วัสดุเหลือใช้เหล่านี้เป็นสื่อการสอนเด็ก
เมืองหลวง และเมืองใหญ่
หรือตามอำเภอ จะหาวัสดุเหลือใช้ไม่ยาก
แต่ในชนบทห่างไกลนั้นย่อมลำบากในการหาวัสดุเหลือใช้
บางทีก็อาจได้วัสดุเหลือใช้จากวัสดุท้องถิ่นที่มีอยู่
แต่ได้นำส่วนที่มีประโยชน์ไปใช้ก่อนแล้ว เช่น มะพร้าว ใช้เนื้อขูดทำอาหาร
เหลือแต่กะลา กะลามะพร้าวจึงเป็นวัสดุเหลือใช้ หรือกาบมะพร้าว
ถ้าไม่ใช่ใส่ไฟแทนฟืน ทิ้งไว้เฉยๆ ก็ถือว่าเป็นวัสดุเหลือใช้ในชนบทได้
การรวบรวมวัสดุเหลือใช้
1. ครู
หรือพี่เลี้ยง หรือผู้ดูแลเด็ก ถ้าใช้สิ่งของใดแล้ว
เห็นว่าส่วนที่เหลืออาจนำมาใช้เป็นสื่อได้ ก็ควรรวบรวมสะสมไว้
2. ครู
หรือพี่เลี้ยง หรือผู้ดูแลเด็ก ควรมีกล่องกระดาษใบใหญ่ๆ
และวางไว้ตรงมุมห้องเด็กสำหรับใส่วัสดุเหลือใช้ต่างๆ
เมื่อใดต้องการจะได้นำมาใช้ได้
3. ผู้ปกครองหรือเด็กอาจนำวัสดุเหลือใช้มาให้ด้วย
วัสดุเหลือใช้ที่ใช้เป็นสื่อ
วัสดุเหลือใช้ส่วนมากเรานำมาใช้เป็นสื่อได้ทั้งสิ้น
เช่น หลอดด้าย หลอดกาแฟ ถ้วยไอศกรีม ไม้ไอศกรีม กระบอกข้าวหลาม ไม้ก้านธูป
ถุงกระดาษ กล่องกระดาษ เศษผ้า จุกไม้ก๊อก เศษเส้นลวด ด้ามไม้กวาด กระดาษห่อท๊อฟฟี่
กระดาษหนังสือพิมพ์ กระป๋องแป้ง อับยาทารองเท้า ขวดพลาสติก เปลือกไข่ เป็นต้น
การเลือกใช้
การนำวัสดุเหลือใช้มาเป็นสื่อนั้น
ผู้สอนจะต้องพิจารณาการใช้เช่นเดียวกับการเลือกวัสดุท้องถิ่น
ตัวอย่างที่ 1
บทเรียนสังคมศึกษา
ครูกับเด็กสนทนากันเรื่องตลาด
เด็กเล่นไปตลาดกัน เล่นเป็นพ่อค้า แม่ค้า เด็กจึงนำวัสดุเหลือใช้ต่างๆ
มาเล่นจัดเป็นร้านขายของ สิ่งที่เด็กนำมาได้แก่ กระป๋องแป้งใช้แล้ว กระป๋องนมสด
กล่องสบู่ กลักไม้ขีด
ตัวอย่างที่
2
บทเรียนคณิตศาสตร์
ครูต้องการให้เด็กรู้จักการเปรียบเทียบสิ่งของเล็กใหญ่
ครูนำวัสดุเหลือใช้มาให้เด็กสังเกต
ครู
“นี่อะไรเอ่ย”
เด็กๆ
“ขวดค่ะ” “ขวดครับ”
ครูหยิบขวดใบใหญ่ชูขึ้น
“ขวดใบนี้ใหญ่”
ครูหยิบขวดใบเล็กขึ้น
ชูให้เด็กดู “ขวดใบนี้เล็ก”
ครู
“ป้อม ออกมาซิ ขวดใบไหนใหญ่” ป้อมออกมาชี้ขวดใบใหญ่
ครู “แจง
ออกมาซิ ขวดใบไหนเล็ก” แจงออกมาชี้ขวดใบเล็ก
ครูเรียกเด็กออกมาชี้
สลับไปสลับมาระหว่างขวดใบเล็กและขวดใบใหญ่
ครู
“อะไรเอ่ย” เด็กๆ “ถ้วยค่ะ”
“ถ้วยครับ”
ครู
“ใบไหนใหญ่ จิ๋ว” จิ๋วออกมาชี้ถ้วยใบใหญ่
ครู
“แป้ง ถ้วยไหนเล็ก” แป้งออกมาชี้ถ้วยใบเล็ก
ครูให้เด็กออกมาชี้ถ้วยและขวดสลับกันไปมาทั้งใบเล็กและใบใหญ่
1.3 วัสดุทำขึ้นเอง
วัสดุทำขึ้นเองนั้น คือ
วัสดุที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียน อาจทำขึ้นจากวัสดุท้องถิ่น
หรือวัสดุเหลือใช้ บางทีวัสดุทำขึ้นเองนี้นอกจากใช้เป็นสื่อสอนได้ โดยเรียนได้
เล่นได้ ยังนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ตัวอย่างวัสดุทำขึ้นเองจากวัสดุท้องถิ่น
1. หอยทับทิม
สิ่งประกอบ กระดาษแข็ง (จากกล่องกระดาษ)
ตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กาว
1.1 บัตรเลข
ใช้ในบทเรียนภาคคณิตศาสตร์
วิธีทำ
วางกระดาษแข็ง ใช้ดินสอเขียนตัวเลขเบาๆ เอาหอยทับทิมทากาวติดบนกระดาษแข็ง
1.2 บัตรอักษร
ใช้ในบทเรียนภาษาไทย
วิธีทำ
วางกระดาษแข็งลง ใช้ดินสอเขียนตัวอักษรเบาๆ เอาหอยทับทิมทากาว ติดบนกระดาษแข็ง
1.3 ตุ๊กตาหอย ใช้ในบทเรียนศิลปะ
สิ่งประกอบ ดินเหนียว เศษฟาง
วิธีทำ
ปั้นดินเหนียวเป็นรูปกลมและรูปกรวย กดให้ติดกัน
ตรงปลายฉีกฟางให้เป็นเส้นละเอียดติดไว้ด้วย เอาหอยทับทิมกดติดให้ทั่ว
ก้อนดินนั้นก็จะกลายเป็นตุ๊กตาล้มลุก
2. ไม้ไผ่
2.1 แจกันแขวน ใช้ในบทเรียนธรรมชาติศึกษา
สิ่งประกอบ ไม้ไผ่ท่อนสั้น
เส้นหวายเล็กๆ
วิธีทำ
ผู้ใหญ่ตัดกระบอกไม้ไผ่ให้ตรงข้ออยู่ด้านล่าง ปลายกระบอกเจาะรู 3
รู ร้อยด้วยเส้นหวายเล็กๆ ปลายทำเป็นห่วงสำหรับขวดไม้เลื้อย
ใช้ประดับห้องได้
2.2 เครื่องเคาะจังหวะ ใช้ในบทเรียนดนตรีและจังหวะ
วิธีทำ
ไม้ไผ่ท่อนสั้น 1 ท่อน
ไม้ไผ่เหลาขายตะเกียบ 1 อัน ใช้ตีทำให้เกิดเสียงได้
3. กาบมะพร้าว
3.1 เรือใบ
ใช้ในบทเรียนภาษาไทย
วิธีทำ
เหลากาบมะพร้าวให้เป็นรูปเรือ ใช้ไม้เล็กๆ ปักกลางลำ
ด้ายเส้นใหญ่ผูกปลายไม้แล้วขึงให้ตึง ผูกติดกับท้ายเรือ
เศษผ้าตัดเป็นรูปสามเหลี่ยม ทากาวติดกับไม้และด้าย ดังภาพที่เห็น
3.2 เรือบิน
ใช้ในบทเรียนศิลปะ
วิธีทำ
ผู้ใหญ่ตัดกาบมะพร้าวให้เป็นท่อนยาว กรีดสองข้างให้เป็นร่อง
ตัดกระดาษแข็งให้เป็นรูปปีก รูปหาง 2 อัน
เด็กประกอบเรือบินได้เอง โดยใช้กาวทากระดาษแข็งเสียบเข้าไปตามร่องของกาบมะพร้าว
ตัวอย่างวัสดุทำขึ้นเองจากวัสดุเหลือใช้
1. กล่องรองเท้า
1.1 บ้านตุ๊กตา
ใช้ในบทเรียนสังคมศึกษา
สิ่งประกอบ กล่องใส่รองเท้า 4
กล่อง สีน้ำ พู่กัน กาว กรรไกร
วิธีทำ นำฝากล่องรองเท้าทั้งหมดมาตัดขอบออก และต่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม
โดยใช้กาวทาทำเป็นหลังคา ดังภาพ เอาพู่กันจุ่มสีน้ำสีต่างๆ
ตามความพอใจของเด็กระบายกล่องกระดาษ และรูปสามเหลี่ยมที่ทำไว้ให้ทั่ว
ทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งแล้วเจาะหน้าต่าง ประตู นำมาซ้อนกัน ดังภาพ
ก็จะกลายเป็นบ้านเล็กๆ สำหรับเด็กเล่น ตุ๊กตา และจัดแต่งบ้าน
เด็กสมมุติตุ๊กตาเป็นบุคคลในบ้าน
1.2 หีบสมบัติ
ใช้ในบทเรียนศิลปะ
วิธีทำ
ตัดกระดาษเหนียวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 แผ่น
ทากาวติดกับฝากล่องด้านหลังให้ติดกับตัวกล่อง ตัดกระดาษแข็งเป็นรูป
ทากาวติดกับขอบฝากล่องด้านหน้า ดังภาพ ใช้กระดาษสีติดเป็นรูปเรขาคณิตต่างๆ เช่น
กลม สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม ฯลฯ หรือจะเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ก็ได้
ทากาวติดตามหีบพองาม ก็จะกลายเป็นหีบที่มีลวดลาย
ซึ่งเด็กจะใช้เก็บของเล่นหรือของเบ็ดเตล็ดของเด็กเอง
2. ถุงเท้าเก่า
ถุงเท้าเก่าที่ไม่ใช้แล้ว
ซึ่งขอบถุงยางยืดหรือชำรุดบ้าง เมื่อซักสะอาดเก็บไว้ก็ใช้เป็นสื่อการสอนได้
2.1 แมวเหมียว ใช้ในบทเรียนการเล่น
วิธีทำ
ตัดถุงเท้าที่ขาดให้เป็นรูปคล้ายใบโพธิ์ 2 แผ่น
สมมติเป็นหน้าแมวแล้วเย็บแผ่นถุงเท้าที่ตัดทั้งสองให้เรียบร้อย เหลือช่องกว้างขนาด
1 นิ้ว เพื่อสำหรับบรรจุทราย ตัดเศษผ้าเป็นรูปหู 2 ชิ้น เย็บติดกับหน้าแมว ตัดเศษผ้าสีเป็นรูปตาและปาก
แล้วใช้กาวทาติดลงบนหน้าแมว ใช้เศษไหมพรมทำเป็นหนวด ทากาวติดปากข้างละ 3 เส้น บรรจุทรายลงในถุงหน้าแมว แล้วเย็บช่องที่เหลือให้ติดกัน
เด็กอาจใช้โยนเล่นกันแบบลูกบอลก็ได้ หรือโยนแล้วรับกันประกอบดนตรีก็ได้
2.2 ม้า
ใช้ในบทเรียนการเล่น
วิธีทำ
นำถุงเท้าที่ใช้แล้วมา ใช้นุ่นเก่าๆ หรือฟางหรือเศษผ้ายัดให้แน่น
แล้วเอาด้ามไม้กวาดสอดเข้าไปในถุงเท้า
ใช้เชือกมัดให้แน่นติดกับถุงเท้าสมมุติเป็นหางม้า
พับเศษผ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นสองทบ ตัดให้เป็นรูปหู แล้วเย็บให้เรียบร้อย
ใช้นุ่นหรือฟางหรือเศษผ้าก็ได้ ยัดลงในหูให้แน่น แล้วนำไปเย็บติดกับหางม้า
ตัดเศษผ้าเป็นตา ทากาวติดที่หัวม้า เศษไหมพรมทำเป็นผมม้า
ใช้เชือกผูกปากม้าและโยงมาผูกกับด้ามไม้กวาดใกล้กับคอม้า สำหรับเด็กจะได้คล้องไหล่
เด็กจะใช้ขี่เล่นเช่นเดียวกับเด็กขี่ม้าก้านกล้วย
1.3 วัสดุซื้อมาราคาถูก
ในสถานศึกษาของเด็กปฐมวัย
ย่อมใช้วัสดุประเภทต่างๆ อยู่ไม่น้อย เพื่อเป็นสื่อในการสอนของครู
และเป็นสื่อต่อการเรียนของเด็ก วัสดุบางอย่างจำเป็นต้องหาซื้อ
และใช้เป็นจำนวนมากในสถานศึกษา ครูอนุบาล พี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก
จึงควรจะระมัดระวังในการใช้จ่ายด้วย ถ้ารู้จักซื้อ
รู้จักจัดหาสิ่งของที่ใช้ทดแทนกันได้ จะประหยัดงบประมาณ
ทั้งได้วัสดุที่ต้องการใช้เป็นจำนวนมาก
และอาจนำเงินที่เหลือไปซื้อวัสดุอื่นที่ต้องการใช้ได้อีก
ข้อควรคำนึงในการจัดซื้อวัสดุราคาถูก
1. วัสดุสิ้นเปลืองที่เด็กใช้ในกิจกรรมอยู่เสมอ
ถ้าเข้าใจเลือกก็จะได้ราคาถูก และได้จำนวนมาก เป็นการประหยัดรายจ่าย เช่น
ความต้องการ วัสดุราคาถูกใช้แทนได้
กระดาษวาดเขียน กระดาษบรู๊ฟ
(ขายเป็นรีม)
สีโปสเตอร์ สีฝุ่น
ดินน้ำมัน (ปั้น) แป้ง (ปั้น)
ริบบิ้นสี เส้นพลาสติกสี
ผ้าสักหลาด ผ้าสำลี
แป้งเปียกขวด แป้งมัน (กวนเอง)
2. วัสดุที่ใช้เวลาในการจัดทำมาก
ก็ควรจัดซื้อในราคาถูก เช่น ในสัปดาห์แรกที่เด็กมาสถานศึกษา
เด็กย่อมไม่คุ้นเคยกับครู เพื่อน และสถานศึกษานั้น จึงควรจัดหาของเล่นมาหลายๆ
อย่าง ในราคาถูก เพื่อให้เด็กเล่นเพลิดเพลิน เช่น ตุ๊กตายาง ตุ๊กตาผ้า รถลากเล็กๆ
ภาพตัดต่อหม้อข้าวหม้อแกงทำด้วยดินเผาหรือพลาสติก เป็นต้น
3. วัสดุประเภทครุภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานนาน
ซื้อวัสดุราคาถูก เช่น เด็กเล่นน้ำ ซื้อถังเปลหรืออ่าง เด็กเล่นทราย
ซื้ออ่างล้างชาม (สังกะสีรูปเหลี่ยม) หรืออ่างซักผ้ากลมอะลูมิเนียม
อ่างน้ำซีเมนต์ ใช้ ถังเปล แทน
กระบะทราย ใช้ อ่าง แทน
2. สื่อประเภทอุปกรณ์กับเด็กปฐมวัย
สถานศึกษาเด็กปฐมวัยทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาล สถานเลี้ยงเด็ก หรือศูนย์เด็กอุปกรณ์มีส่วนช่วยครู
พี่เลี้ยงเด็ก และผู้ดูแลเด็ก ในการใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเป็นอันมาก
เนื่องจากเด็กเรียนรู้จากรูปธรรมได้ดีกว่านามธรรม
อุปกรณ์ที่มีอยู่ในสถานศึกษาซึ่งได้รับการพิจารณาเลือกซื้อและจัดหามาได้เหมาะสมกับเด็ก
ย่อมเป็นสื่อทำให้เกิดการเรียนรู้ในวิชาต่างๆ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สุขศึกษา
ธรรมชาติศึกษา สังคมศึกษา ศิลปะ เพลง ดนตรี จังหวะเคลื่อนไหว เกม และการเล่น
ครูและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กพึงจัดหาและเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ
ให้ตรงตามความมุ่งหมายเพื่อนำเป็นสื่อในวิชาที่ต้องการให้เด็กเรียนรู้
หรือเห็นว่าเด็กอยากจะรู้ตามวัยของเขา
อุปกรณ์ที่ใช้เป็นสื่อมีดังนี้
อุปกรณ์ราคาเยา
อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียง
อุปกรณ์ประเภทเครื่องฉาย
อุปกรณ์ประเภทที่ไม่ใช่เครื่องเสียงและเครื่องฉาย
2.1 อุปกรณ์ราคาเยา
อุปกรณ์ราคาเยา หมายถึง
สิ่งของที่ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่ซื้อมาราคาถูก และจำเป็นใช้เพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาต่างๆ
ของเด็ก เช่น รถลากตัวอักษร แป้นเสียบลูกคิด หีบบรรจุไม้บล็อกขนาดเล็ก บันไดกว้าง
บันไดยาว เช่น แท่นไม้ค้อนตอก หอคอย กระดาษเรขาคณิต กล่องหยอดบล็อก เป็นต้น
อุปกรณ์เหล่านี้
ครู หรือผู้เกี่ยวข้องกับเด็กอาจทำขึ้นใช้เองได้
แต่ถ้าทำขึ้นใช้เองแล้วการลงทุนจัดซื้อวัตถุมาประกอบนั้นต้องสิ้นเปลืองกว่าซื้ออุปกรณ์ที่มีขายอยู่ทั่วไป
เพราะ
1. ซื้อวัตถุเพื่อทำอุปกรณ์น้อยชิ้น
สิ้นเปลืองเงินมากกว่าทำเป็นจำนวนมาก
2. การทำอุปกรณ์ต้องใช้เวลานาน
3. อุปกรณ์บางอย่างจำเป็นต้องใช้เครื่องมือราคาแพงในการทำ
4. อุปกรณ์ควรประณีตและทนทาน
ตัวอย่าง
1. บทเรียนภาษาไทย
ให้เด็กเล่นเพื่อคุ้นเคยกับอักษรไทย
แท่งไม้เล็กๆ
เขียนตัวอักษร บรรจุในรถลาก
เด็กเล่นนับฝึกประสาทตากับมือให้สัมพันธ์กันโดยสวมลูกคิดเล่น
แทนลูกคิด
ให้เด็กดึงออกและเอาใส่เป็นการฝึกความสังเกต
และส่งเสริมสติปัญญา
กระดานเรขาคณิต
สถานศึกษาบางแห่งได้เห็นความจำเป็นของการจัดซื้ออุปกรณ์ราคาเยามาใช้เป็นสื่อในการสอน
แต่เนื่องจากจำนวนเด็กในสถานศึกษามีน้อย มีงบประมาณน้อย
บางครั้งครูและผู้เกี่ยวข้องกับเด็กนั้นจำเป็นจะต้องซื้ออุปกรณ์บางชนิดที่ราคาถูกกว่า
ซึ่งมีคุณภาพด้อยกว่าแต่ใช้สอนได้ในจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็ย่อมทำได้
ตัวอย่าง
ครูต้องการให้เด็กสังเกต ให้เห็นความแตกต่างของเล็กกับของใหญ่
และให้เด็กเรียนรู้ว่าของเล็กนั้นซ้อนบนของใหญ่ได้
(บทเรียน
การเล่นฝึกประสาท) อุปกรณ์ราคาเยาใช้เป็นสื่อ คือ หอคอย ทำด้วยไม้บล็อกขนาดต่างๆ
กันตามลำดับ
การเล่นฝึกประสาทด้วยไม้บล็อก
สถานศึกษาบางแห่งมีเงินน้อยจึงใช้เงินซื้อถ้วยพลาสติกสีขนาดต่างๆ
ทั่วไปใช้แทน
ถ้วยพลาสติกสามารถใช้แทนไม้บล็อกในการเล่นฝึกประสาท
2.2 อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียง
อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียง หมายถึง เครื่องมือซึ่งใช้เป็นสื่อในการฟังของเด็กเพื่อเรียนรู้วิชาต่างๆ
เช่น เพลง เล่านิทาน เล่นละคร ทำท่าตามจังหวะ หัดกายบริหาร การละเล่น เป็นต้น
อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียงนี้ มีทั้งต้องซื้อหา หรืออาจทำเองก็ได้ ทั้งนี้
เกี่ยวกับงบประมาณของสถานศึกษา และการเลือกซื้ออุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียงก็ควรอยู่ในดุลพินิจของผู้บริหารสถานศึกษาเอง
ประเภทของอุปกรณ์เครื่องเสียง
1.เครื่องบันทึกเสียงแบบม้วนและแถบตลับ
2.
เครื่องเล่นแผ่นเสียง
3.
เครื่องรับวิทยุ
4.
เครื่องดนตรี ได้แก่ เปียโน ออร์แกน กลอง ฉิ่ง ฉาบ ระฆัง เหล็กสามเหลี่ยม
ระนาด กรับพวง กลองรำมะนา กลองยาวขนาดเล็ก แคน ขลุ่ย ซอ และไวโอลิน เป็นต้น
ตัวอย่าง
บทเรียนสุขศึกษา
ครูมีวัตถุประสงค์ส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกายกลางแจ้ง
พร้อมกับฝึกการฟังไปด้วย ครูให้เด็กออกมายืนที่สนามเป็นรูปวงกลม
แล้วอธิบายให้เด็กฟังว่า ครูจะตีกลอง มีจังหวะ หนัก เบา (ครูตีกลองให้เด็กฟัง) ครู
ตีเบา (ครูตีเสียงเบา) ให้เด็กก้าวเท้า ครู ตีหนัก (ครูตีเสียงหนัก) ให้เด็กหยุด
เมื่อเข้าใจแล้วให้เด็กลองเล่น
ครูตี เบา เบา หนัก เบา เบา หนัก
เด็ก ก้าว ก้าว หยุด ก้าว ก้าว หยุด
เด็กเล่นสนุกสนาน
ครูอาจเรียกเด็กคนหนึ่งออกมาตีกลองก็ได้ แล้วให้เด็กผลัดเปลี่ยนกันตี
อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียงที่ทำขึ้นเองได้
อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียงที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเองมักจะเป็นเครื่องเคาะจังหวะ
เพื่อครูใช้เป็นสื่อการสอน เพลง ดนตรี และจังหวะ เช่น กรับมือ ลูกซัด กรุ๋งกริ๋ง
ฆ้องกระแต ตะเกียบ ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านี้ ครูให้เด็กได้ใช้เล่นด้วย
ตัวอย่าง อุปกรณ์ประเภทเครื่องเสียงที่ทำได้เอง
กรับ
วิธีทำ
ใช้ไม้แผ่นเล็กๆ ขัดด้วยกระดาษทราให้เรียบเอาแผ่นหนังบางๆ
ตอกติดให้มือเด็กสอดได้
ลูกซัด
อับยาทารองเท้า
ใส่เม็ดกรวดเล็กๆ ข้างใน เจาะรู เหลาไม้กลมๆ เสียบ พันด้ามถือ
กรุ๋งกริ๋ง
เส้นลวดใหญ่ ร้อยด้วยลูกกระพรวน
ตัวอย่าง
บทเรียนเพลงและดนตรี
ครูมีวัตถุประสงค์ให้เด็กร้องเพลงได้และเคาะจังหวัดได้
ครูสอนเด็กร้องเพลง ครูกับเด็กร่วมกันร้องเพลง ครูใช้เครื่องเคาะจังหวะอันหนึ่ง
และนำเครื่องเคาะจังหวะที่มีอยู่แจกเด็ก ครูเคาะจังหวะนำพร้อมกับร้องเพลง
เด็กทำตาม
เพลงลูกหมา
นั่นลูกหมามันร้อง
บ๊อก บ๊อก บ๊อก บ๊อก
มันชอบหลอกลูกแมว
เหมียว เหมียว เหมียว เหมียว
พอมันเหลียว
เป็ดร้อง ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ
มันนอนราบ
ไก่ขัน เอ๊ก เอ๊ก เอ๊ก เอ๊ก
2.3 อุปกรณ์ประเภทเครื่องฉาย
1. เครื่องฉายสไลด์ ใช้ในการสอนภาษา คณิตศาสตร์
ธรรมชาติศึกษา และสังคมศึกษา
2. เครื่องฉายฟิล์มสตริป
ใช้ในการสอนนิทาน การเล่าเรื่อง และสุขศึกษา
3. เครื่องฉายภาพยนตร์และภาพยนตร์
ใช้ในการสอนธรรมชาติศึกษา สังคมศึกษา และสุขศึกษา
4. เครื่องรับโทรทัศน์ ใช้ในวิชาสังคมศึกษา
ธรรมชาติศึกษา ภาษา คณิตศาสตร์
ศิลปะ ดนตรี และการเล่น
ตัวอย่างที่
1
บทเรียนภาษาไทย
ครูมีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกการฟังภาษาของเด็กและความเข้าใจของเด็กต่อเรื่องราวที่เห็น
ครูนำเครื่องฉายสไลด์และนำภาพนิทานซึ่งทำเป็นสไลด์มาฉายให้เด็กดูทีละภาพ ประมาณ 6-8
แผน ครูเล่าประกอบและสังเกตดูเด็กว่าเข้าใจเรื่องเพียงใด
ตัวอย่างที่ 2
บทเรียนธรรมชาติศึกษา
ครูมีวัตถุประสงค์ให้เด็กเรียนรู้เรื่องนก
ครูนำภาพยนตร์เรื่อง ชีวิตของนก มาฉายให้เด็กดู
เด็กจะเข้าใจถึงความเป็นอยู่ของนกและจดจำได้ดี
การเก็บรักษาและซ่อมแซม
1. อุปกรณ์ประเภทเครื่องฉาย
ควรมีห้องหรือตู้เก็บอย่างปลอดภัย
2. ผู้ที่ใช้ควรรู้จักวิธีใช้อุปกรณ์เครื่องฉายอย่างถูกต้อง
3. ตรวจตราอุปกรณ์ทุกชนิดให้อยู่ในสภาพที่ดี
และรักษาความสะอาด
4. ถ้าอุปกรณ์ชำรุด
ควรส่งบริษัทหรือร้านที่ผลิตเพื่อซ่อมแซม
2.4 อุปกรณ์ที่ไม่ใช่เครื่องเสียงและเครื่องฉาย
อุปกรณ์ที่ไม่ใช่เครื่องเสียงและเครื่องฉาย
หมายถึง อุปกรณ์ทั่วไปที่ไม่เกี่ยวกับเครื่องไฟฟ้า โรงเรียนอนุบาล ศูนย์เด็ก
และสถานเลี้ยงดูเด็กนั้นยังมีอุปกรณ์ที่ไม่ใช่เครื่องเสียงและเครื่องฉายมากมายที่ใช้เป็นสื่อในการเรียนวิชาต่างๆ
ได้แก่
1. เครื่องเล่นสนาม
หมายถึง ชิงช้า ม้าหมุน ม้าโยก เรือโล้ บาร์ ไม้กระดก
2. สิ่งของจำลอง หมายถึง
หุ่นสัตว์ ผัก ผลไม้ ที่ทำด้วยดินหรือยาง ตุ๊กตา เป็นต้น
4. เครื่องเล่นในร่ม
หมายถึง บล็อก ค้อนตอกไม้ หีบสมบัติ รถลาก ลูกคิดสี กล่องเรขาคณิต ฯลฯ
ตัวอย่างที่ 1
บทเรียนสังคมศึกษา
ครูสอนเรื่องการจราจร
ครูนำเด็กมาที่ถนนในโรงเรียน ใช้ปูนขาวทำเป็นทางม้าลาย ให้เด็กขี่จักรยาน 3
ล้อ บางคนลากรถ บางคนเดิน ครูคอยหมุนป้ายจราจร เขียวบ้าง แดงบ้าง
ให้เด็กเดิน เด็กหยุด รถวิ่ง รถหยุด
ตัวอย่างที่ 2
บทเรียนธรรมชาติศึกษา
ครูเห็นว่าฤดูฝนมีสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับฤดูนี้
คือ กบ อยากให้เด็กมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของกบ
ที่จริงเด็กในต่างจังหวัดมีโอกาสได้เห็นกบเสมอ
แต่เด็กในเมืองหลวงอาจไม่ค่อยเคยเห็น อย่างไรก็ตาม เพื่อชักจูงความสนใจของเด็ก
ครูนำกบจำลองที่ใส่แบตเตอรี่มาใช้เป็นสื่อ
ไขลานและปล่อยให้กระโดดไปกระโดดมาให้เด็กดู และครูเล่าเรื่องกบให้ฟัง
เด็กจะพอใจได้เรียนรู้เรื่องกบอย่างสนุกสนาน ท้ายที่สุดเด็กก็กระโดดเป็นโค้กด้วย
การเก็บรักษาและซ่อมแซม
1. เครื่องเล่นสนาม ต้องตรวจดูทุกวัน ถ้าชำรุดรีบซ่อมแซมทันที
2. สิ่งของจำลอง การจัดวางไว้บนชั้น หยิบใช้ได้ง่าย ดูแลให้สะอาด ไม่ให้มีฝุ่นละออง
สิ่งของบางอย่างที่ชำรุด เช่น ตุ๊กตา หุ่น ควรรีบซ่อมเอง
3. อุปกรณ์ในชั้น เก็บวางให้เป็นที่และดูแลให้สะอาดอยู่เสมอ
4. เครื่องเล่นในร่ม ควรจัดวางไว้บนชั้น จัดแบ่งเป็นพวก หยิบเล่นได้ง่าย
อย่าให้มีฝุ่นละอองจับ สิ่งใดที่ชำรุดพอซ่อมแซมเองได้ รีบจัดทำ
3. สื่อประเภทวิธีการกับเด็กปฐมวัย
เด็กปฐมวัยนั้น
เป็นที่ทราบแล้วว่าเด็กเรียนจากสิ่งที่เห็นซึ่งอยู่รอบตัวเขา
เด็กนั้นเรียนจากรูปธรรม อีกประการหนึ่ง เด็กถือการเล่นเป็นเรื่องสำคัญของเขา
การเล่นคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เด็กจึงเรียนรู้จากการเล่นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้
การสอนในสถานศึกษาปฐมวัยย่อมแตกต่างกับสถานศึกษาในโรงเรียนประถมและมัธยมศึกษา
มักยึดหลักการเล่นเป็นเครื่องนำ เพื่อชักจูงใจเด็กให้สนใจต่อการเรียนรู้
ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในสถานศึกษาจึงต้องจัดหาทั้งวัสดุอุปกรณ์
และวิธีการอันน่าสนุกมาใช้กับเด็กระดับปฐมวัย
สื่อประเภทวิธีการ
ซึ่งครู พี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก นำมาใช้ในการศึกษา คือ
1. การสาธิต
2. กิจกรรม
3. การใช้ท่าทางประกอบ
4. การเล่นบทบาทสมมุติ
5. การเล่นสมมติ
3.1 การสาธิต
การสาธิต หมายถึง การแสดงกระบวน ขั้นตอน
วิธีการทำ เพื่อให้เป็นตัวอย่างสร้างความเข้าใจแก่เด็ก
เด็กปฐมวัยที่แรกมาสถานศึกษานั้น
ต้องใช้เวลาไม่น้อยที่จะทำความคุ้นเคยกับครู พี่เลี้ยง ผู้ดูแลเด็ก เพื่อน
และสถานที่ ด้วยเหตุนี้เองในระยะแรกๆ ที่จะเรียนรู้วิชาบางวิชา เช่น ศิลปะ เพลง
ดนตรี ทำท่าทางตามจังหวะ หรือการเล่น ครู พี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก
ที่จะสอนให้เด็กเรียนรู้สิ่งใด
บางครั้งจึงจำเป็นต้องนำการสาธิตมาเป็นสื่อเพื่อการเรียนรู้ของเด็กก่อน
ตัวอย่าง
บทเรียนวิชาศิลปะ
ครูมีเด็กนักเรียน 3-4
ปี ในชั้น เด็กเพิ่งมาสถานศึกษา ครูต้องการให้นักเรียน
เรียนการปั้นซึ่งเป็นการฝึกการใช้มือไปด้วย เด็กยังไม่ค่อยเคยเล่นเลย
สื่อที่ครูจัดหา
แป้งที่ทำขนมได้ผสมกับน้ำและเกลือเล็กน้อย นวดให้เข้ากัน ใส่สีก็ได้ ไม่ใส่ก็ได้
วิธีการสาธิต
ครูจัดให้เด็กนั่งรอบๆ
ครูหยิบแป้งมาจากอ่างใส่แป้ง
ครู “คอยดูนะครูจะทำอะไรให้ดู”
ครูคลึงแป้งจนเป็นก้อนกลม
ครู ชูให้เด็กดู
“เหมือนอะไรเอ่ย”
เด็กๆ “เหมือนส้มค่ะ” “เหมือนลูกบอลครับ”
ครูแจกแป้งให้เด็กคนละก้อน
เด็กใช้มือคลึงเล่นจนเป็นลูกกลม เด็กต่างก็อวดแก่ครู
ครูถามเด็กว่าเด็กปั้นอะไร
เด็กจะตอบอย่างไรก็ได้ เด็กบางคนเลียนแบบกัน บางคนก็ตอบตามใจชอบของตัวเอง
3.2 กิจกรรม
กิจกรรม หมายถึง
การกระทำที่เด็กแสดงออกมาซึ่งครูอาจสังเกตหรือวัดได้
ในสถานศึกษาเด็กปฐมวัย
กิจกรรมนำมาใช้มากที่สุด กล่าวได้ว่าทุกวิชาที่เด็กเรียนรู้ไม่ว่าภาษาไทย
คณิตศาสตร์ สุขศึกษา สังคมศึกษา ธรรมชาติศึกษา ศิลปะ เพลง ดนตรี จังหวะเคลื่อนไหว
เกม และการเล่น ล้วนแต่ต้องนำกิจกรรมมาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ครู พี่เลี้ยงเด็ก
หรือผู้ดูแลเด็กเล็งเห็นว่า เด็กนั้นชอบเคลื่อนไหวชอบกระทำสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ
จึงนำกิจกรรมมาเป็นสื่อการเรียนรู้ของเด็ก
ตัวอย่างที่ 1
บทเรียนธรรมชาติศึกษา
ครูสอนเด็กเรื่อง
“กระต่าย” ถ้าในโรงเรียนเลี้ยงกระต่าย
มีกรงกระต่าย
สื่อที่ครูจัดหา กระต่าย ผักบุ้ง
หญ้าอ่อน แตงกวา
วิธีทำกิจกรรม
ครูพาเด็กไปที่กรงกระต่าย
สนทนากับเด็กถึงรูปลักษณะของกระต่าย กระต่ายอยู่ที่ไหน กระต่ายชอบกินอะไรเป็นอาหาร
ครูให้เด็กนำหญ้าอ่อน แตงกวา และผักบุ้งให้กระต่ายกิน
ตัวอย่างที่ 2
บทเรียนธรรมชาติศึกษา
ครูสอนเรื่อง
“กระต่าย” โรงเรียนหรือศูนย์ไม่ได้เลี้ยงกระต่าย
สื่อที่ครูจัดหา ภาพกระต่าย
หรือหุ่นจำลองกระต่าย กระดาษสวมศีรษะเป็นรูปกระต่าย (ถ้ามี)
วิธีทำกิจกรรม
ครูนำภาพกระต่ายหรือหุ่นจำลองกระต่ายให้เด็กดู
สนทนากับเด็กถึงรูปร่าง กระต่ายอยู่อย่างไร กระต่ายกินอะไร กระต่ายกระโดดอย่างไร
ลองให้เด็กสวมหมวกกระดาษรูปกระต่ายถ้ามี ถ้าไม่มีก็ใช้มือชูแตะเหนือหู แล้วกระโดด
เด็กจะสนุก กระโดดไปกระโดดมา ระหว่างนั้นครูจะร้องเพลงประกอบก็ได้
เพลงกระต่าย
ฉันเป็นกระต่ายสีขาว ลูกตาวาวสีแดงแสงฉานฉาย
อาศัยตามป่าละเมาะเหมาะสบาย ยามเดือนหงายวิ่งเล่นเย็นใจเอย
3.3 การใช้ท่าทางประกอบ
การใช้ท่าทางประกอบ หมายถึง
การแสดงท่าทางประกอบอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด
การใช้ท่าทางประกอบนี้ก็เป็นสื่อประเภทวิธีการที่เด็กปฐมวัยชอบมาก
มักจะใช้ในการเล่านิทาน และการเล่นเป็นส่วนใหญ่ ตัวครู พี่เลี้ยง
หรือผู้ดูแลเด็กนั่นคือสื่อที่สำคัญที่สุด
ตัวอย่างที่ 1
บทเรียนภาษาไทย การเล่านิทาน (ฝึกการฟัง)
วิธีใช้ท่าทางประกอบ ครูเล่านิทานเรื่อง
ลูกเป็ด ครูเล่าโดยใช้เสียงและท่าทางประกอบดึงอารมณ์ของเด็ก พ่อเป็ด แม่เป็ด
มีลูกเป็ดตัวหนึ่ง ลูกเป็ดซุกซนมาก วันหนึ่ง พ่อเป็ด แม่เป็ดไปหาอาหาร
บอกให้ลูกเป็ดอยู่บ้าน พอพ่อเป็ดและแม่เป็ดออกไป ลูกเป็ดเปิดประตู
(ครูทำท่าเปิดประตู แล้วทำเสียงแอ๊ด..…) ลูกเป็ดเดินไปตามถนน
ร้องเสียง กิ๊บ กิ๊บ ๆ ๆ (ครูทำเสียง) พบสุนัขตัวใหญ่ (ครูทำมือ) มันเห่าเสียง
โฮ้ง โฮ้ง ๆ (ครูทำเสียง) ลูกเป็ดวิ่งหนี พอดีมีชายคนหนึ่งเดินมา ไล่สุนัข
ลูกเป็ดเลยวิ่งเข้าบ้านไป พ่อเป็ดแม่เป็ดกลับมาถึงพอดี พ่อแม่จึงดูว่า
ลูกเป็ดดื้อเกือบโดนสุนัขกัด เพราะไม่เชื่อพ่อแม่
(ครูทำเสียงดุและทำหน้าดุด้วยขณะเล่า)
ตัวอย่างที่ 2
บทเรียนการเล่น (การแสดงละครใบ้)
ครูทำท่า ให้เด็กทาย ของจริง
กางแขนและขยับปลายมือ
ครูทำท่า ให้เด็กทาย ของจริง
เมื่อเด็กเข้าใจวิธีเล่นกับครูแล้ว ครูอาจให้เด็กเป็นคนทำท่าให้เพื่อนๆ ทายเล่นได้
3.4 การเล่นสมมุติ
การเล่นสมมติ เป็นการเรียนแบบชีวิตจริงตามความนึกคิดและประสบการณ์ของเด็ก
เด็กวัยปฐมศึกษานี้ชอบการเล่นสมมุติมากที่สุด
เด็กอายุ 3 ขวบ ยังคิดไม่ค่อยเป็น
เขาจะทำตามและคล้อยตามครู พี่เลี้ยง หรือผู้ดูแลเด็ก แต่ถ้าเด็กอายุ 4-5 ขวบ จะคิดและสมมุติเป็นสิ่งที่เขาอยากจะเป็น บางทีครูหรือผู้ใหญ่แนะให้
เขาก็จะคิดเล่นของเขาเองเป็นเรื่องราวได้ เด็กจะเล่นสมมติจากชีวิตต่างๆ
ที่เขาพบเห็น หรือสิ่งที่เขาพึงพอใจ เขาอาจสมมติเป็นบุคคล เป็นสิ่งของ เป็นสัตว์
หรือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ ครู พี่เลี้ยงเด็ก หรือผู้ดูแลเด็ก
จึงนำสื่อประเภทวิธีการแบบการเล่นสมมุตินี้มาให้เด็กเรียนรู้วิชาต่างๆ
ปกติแล้วจะใช้ในวิชาสุขศึกษา ธรรมชาติศึกษา สังคมศึกษา เพลง ทำท่าประกอบจังหวะ
และการเล่น บางทีอาจใช้ในวิชาภาษาไทย และคณิตศาสตร์ด้วย
ตัวอย่างที่ 1
บทเรียนสังคมศึกษา
ครูสอนเรื่องบุรุษไปรษณีย์ให้แก่เด็ก
สื่อที่ครูจัดหา
กล่องกระดาษใหญ่ใช้กระดาษสีแดงปิด หรือจะใช้สีระบายก็ได้ ทำรูปเลียนแบบตู้ไปรษณีย์
หมวกแก๊ปสีน้ำตาล 1 ใบ
เศษกระดาษแข็งตัดขนาดไปรษณียบัตรหลายๆ ใบ (ใช้กระดาษจากกล่องกระดาษเช็ดหน้าก็ได้
หรือบัตรเชิญที่ใช้แล้วก็ได้)
ตู้ไปรษณีย์ หมวกแก๊ป ย่าม
วิธีการเล่นสมมติ
ครูแนะให้เด็กนำกระดาษแข็งมาเขียน
จะขีดเขียนอะไรก็ได้ อาจเป็นรูป เพื่อส่งถึงเพื่อน
แล้วให้นำไปทิ้งตู้ไปรษณีย์สีแดง เด็กคนหนึ่งใส่หมวกแก๊ป สะพายย่าม
ไปหยิบแผ่นกระดาษในตู้ไปรษณีย์ แล้วใส่ในย่าม เดินไปเที่ยวแจกตามเพื่อนๆ
เด็กจะสนุก เพราะสมมุติกันเขียนถึงเพื่อน ไปทิ้งตู้ไปรษณีย์
แล้วบุรุษไปรษณีย์มีหน้าที่นำจดหมายส่งถึงผู้รับทุกคน
ตัวอย่างที่ 2
บทเรียนคณิตศาสตร์
เด็กเล่นกันเองอย่างอิสระ
สื่อที่ครูจัดหา ตะกร้า
กระจาดผักผลไม้จำลอง กระดาษแข็งตัดเป็นรูปไก่ เป็ด ปลา หมู เครื่องชั่งจำลอง ฝาน้ำอัดลม
เสื้อผ้าที่ผู้ใหญ่ใช้แล้วตัดให้สั้น หมวก งอบ กระเป๋าถือ
วิธีการเล่นสมมติ
เด็กอายุ 4-5
ขวบ จะสมมุติเล่นได้เอง โดยสมมติกันเป็นทั้งพ่อค้า แม่ค้า คนซื้อ
พ่อค้าเขาก็จะเอาภาพเป็ด ไก่ หมู ปลา และเครื่องชั่งมาจัดวางบนโต๊ะ
ส่วนแม่ค้าก็จะเอางอบใส่ศีรษะ นำผักหรือผลไม้ใส่กระจาด นั่งขายกับพื้น
คนซื้อมีทั้งหญิงและชาย ถ้าเป็นเด็กหญิงก็จะหยิบเสื้อที่ผู้ใหญ่ตัดให้สั้นมาสวม
ถือตะกร้าบ้าง กระเป๋าบ้าง ถ้าเป็นเด็กผู้ชายอาจขี่จักรยาน 3 ล้อมาซื้อของที่ตลาด เขาจะบอกราคาขาย ผู้ซื้อก็จะทำเป็นให้เงิน
ผู้ขายก็ทอน ครูมีหน้าที่คอยเดินดูสังเกตว่า เขาพูดอย่างไร ใช้จำนวนเลขอย่างไร
ครูร่วมเล่นด้วยได้
เอกสารอ้างอิง
เบญจา แสงมลิ,
ประดินันท์ อุปรมัย, และชัยยงค์ พรหมวงศ์. (2539).
เอกสารการสอนชุดวิชาสื่อการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษา (Instructional Media for Early
Childhood Education) หน่วยที่ 1-7. กรุงเทพมหานคร:
ชวนพิมพ์.
Betway Casino app & mobile - Jtm Hub
ตอบลบBetway Casino is one of the latest 아산 출장마사지 casinos to introduce mobile slots 충청북도 출장샵 games 수원 출장샵 in 2020. Play 서귀포 출장안마 the popular slots, poker and blackjack games 김제 출장샵 for free or for real